๐๐๗ วิชาพระจักรพรรดิกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ตอนที่ ๒  การครอบวิมาน)

ผู้เฒ่าสังเกตเห็นคิ้วของหลานชายขมวดเล็กน้อย ความจริงถ้าไม่สังเกตหรือจับสัมผัสได้จะแทบจะไม่เห็นด้วยซ้ำ ท่านจึงทักไปว่า

ลุง : สัมผัสแบบแผ่วเบานะ ที่สำคัญอย่าไปใช้ตาดู ให้ใช้ความรู้สึก ตาเราหลับไปแล้วเปล่าประโยชน์ที่จะมองเห็นหรือสัมผัสอะไรได้ผ่านดวงตา ถ้ารู้สึกว่าเกร็งไปให้ผ่อนคลายด้วยการจับอานาปานสติใหม่ วางอารมณ์ให้แช่มชื่น ให้มีปีติ มีความสุข แต่เป็นความสุขที่แผ่วเบา เปรียบดังปุยนุ่นที่เบาล่องลอยไปตามสายลม อารมณ์ประมาณนั้น….

ผู้เฒ่าทำการ “ฐาปนะ” จิตไปที่จิตของหลานชาย จึงทราบได้ว่ายังมีธุลีกางกั้นบางประการ จึงอธิษฐานโน้มนำพระบารมีแห่งคุณพระรัตนตรัย ช่วยขจัดธุลีนั้น จากนั้นจึงได้อธิษฐานวิมานแก้วพระจักรพรรดิครอบไปยังตัวของหลานชาย รัศมีกายของหลานชายจึงผ่องใสขึ้นระดับหนึ่ง…ผู้เฒ่าตรองดูเห็นสมควรแนะนำต่อได้ จึงได้แนะนำต่อว่า

ลุง : เอาละอุปมาดังการเงี่ยหูฟัง แต่คราวนี้ให้ใช้ใจฟังนะ ให้ใช้ใจสัมผัส ขอชื่นชมบารมีพระฯที่กำเอาไว้นะ ….

หลาน : ผมรู้สึกว่ามือผมอุ่นๆน่ะครับ แล้วสัมผัสได้ว่าเหมือนมีแสงออกจากองค์พระด้วย

ลุง : พอจะสัมผัสได้ไหม..ว่าแสงนั้นสีอะไร ?

รูปลักษณ์วิมานแก้วจักรพรรดิรูปแบบหนึ่ง ที่มักอยู่ในนิมิตร (แตกต่างกันได้ด้วยหลายเหตุปัจจัย)

ผู้เฒ่าใช้คำถามปลายเปิดเพื่อให้หลานชายได้ใช้กำลังจิตสัมผัสอย่างเต็มที่และไม่เป็นการชี้นำ ซึ่งจะกลายเป็นการสะกดจิตหรือเป็นการชี้นำอุปาทานได้

หลาน : เอ..ผมว่านวลๆครับ ออกสีขาวๆ แล้วก็ขอบเหลืองๆ

ลุง : ดีมาก เอาละให้ทำใจสบายๆรักษาอารมณ์แช่มชื่นนี้ไว้ แล้วให้ย้ายสัมผัสมาสัมผัสรอบๆกายของเรานะ ค่อยๆทำ

หลาน : ……………..เหมือนมีอะไรคุ้มกายของผมไว้นะครับ รู้สึกแน่นๆ แต่เย็นสบาย แล้วรู้สึกปลอดภัยครับ

ลุง : ดีมาก…ให้ตั้งจิตนึกถึงพระนะ ขอบารมีพระ ขอให้เห็นภาพสิ่งที่ครอบอยู่นั้นให้ชัดเจนแจ่มใสตามความเป็นจริงโดยทุกประการ

ผู้เฒ่าอธิษฐานอัญเชิญบารมีพระฯ ครอบวิมานแก้วพระจักรพรรดิให้หลานชายอีกครั้ง และอธิษฐานความเป็นทิพย์ทางจิตให้บังเกิดขึ้นชัดเจนแจ่มใสแก่หลานชาย…

หลาน : เหมือนจะมีศาลาทรงโปร่ง ครอบตัวผมอยู่ แต่วิจิตรงดงามมากครับ มีแสงมีประกายออกจากศาลานั้นสว่างจ้าดีครับ

ลุง : ดีแล้ว…สิ่งนี้ทางสายบุญฤทธิ์นี้เรียกว่า “วิมานแก้วจักรพรรดิ” เป็นตัวแทนของบุญที่แสดงออกมาเป็นรูปลักษณ์ เพราะคำว่า “บ้าน” คำว่า “เมือง” คำว่า “วิมาน” ตลอดจน คำว่า “วิหาร” เป็นตัวแทนของความสมบูรณ์ความปลอดภัย เป็นตัวแทนของความสุขทั้งปวง ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องการบ้าน แม้สัตว์ต่างๆก็ต้องการบ้าน ดังเช่นนกต้องการรัง ราชสีห์ต้องการถ้ำ ปลาต้องการขอนไม้มุงบังหลบภัย….

ต่อไปขอให้หลานเพียรพยายามรักษาวิมานนี้ไว้ วิมานนี้เกิดจากแรงบุญ แรงอธิษฐาน เกิดด้วยอำนาจคุณพระรัตนตรัย ดังนั้นการจะรักษาวิมานนี้ไว้ให้ตลอด จึงต้องเพียรพยายามตามนึกถึงบุญ หมั่นอธิษฐานนึกถึงภาพวิมานนี้ หมั่นเอาจิตจับในคุณพระรัตนตรัย นี่คือหลักการ ส่วนวิธีการก็หลากหลาย แต่ในสายของเราท่านให้เกลี่ยจิตด้วยการสวดมนต์ ความจริงจะด้วยบทพุทธคุณบทไหนก็ได้ แต่ถ้าจะให้ตรงก็แนะนำให้ใช้ “บทคาถามหาจักรพรรดิ” นะ….(เสริมความ: หากกำลังใจถึงย่อมใช้บทไหนก็ได้ แต่ที่เคยสัมผัสมา หาคน “กำลังใจถึง” นั้นยาก เปรียบดังการคล้องพระ ถ้าคนที่กำลังใจสูง กำลังใจถึง มากด้วยสติ ไม่คล้องพระก็มีผลดั่งคล้องพระ แต่จนแล้วจนรอดก็หาคนที่ทำเช่นนั้นได้ยาก เพื่อไม่ประมาท ข้าพเจ้าจึงเห็นด้วยกับการคล้องพระหรือ ใช้บทจักรพรรดิในสายวิชานี้มากกว่า)

เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อน ยุงเริ่มมาแล้ว จะได้เตรียมปิดบ้าน อาบน้ำอาบท่า พรุ่งนี้เช้าๆ มาช่วยลุงถอนหญ้าให้ต้นว่านกันนะ จะได้ต่อวิชากันต่อ คืนนี้อย่างไรไปหัดท่องบทคาถามหาจักรพรรดิให้ขึ้นใจนะ

หลาน : ครับลุง งั้นผมไปก่อนนะครับ…

หลานหนุ่มคว้าจักรยานขี่กลับไปบ้าน ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นสะเดาและมะม่วง ลุงชราครุ่นคิดทบทวนการสอนที่ผ่านมา โชคดีที่หลานชายคงมีบุญเก่าเกี่ยวกับญาณอันเนื่องด้วยการเห็นภาพ ที่เรียกว่า “ทิพยจักขุญาณ” เพราะถ้าเป็นหลานหญิง ลุงผู้เฒ่าคงต้อง สอนอีกแบบหนึ่ง ตามจริต ตามกำลังความสามารถ ตามการฝึกฝนของแต่ละคนในอดีตที่แตกต่างกันออกไป….(โพธิสัตว์ย่อมต้องเชี่ยวชาญในการสอน และเชี่ยวชาญในการฝึกคนที่ต่างวาสนากัน หากยังทำไม่ได้ ก็ต้องหมั่นเรียนรู้และฝึกฝนไปเรื่อยๆ)

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

หน๋านอรรถ

๗ พ.ค.๕๗ รีรันและเพิ่มเติม ๓๑ ม.ค.๖๒

ปล. จริงๆช่วงนี้ผู้เขียนหนีมลพิษมาที่ญี่ปุ่น แต่เห็นสมควรเร่งบทความนี้ พอดีหนีบ Notebook มาด้วย เลยเร่งงานเขียนให้อ่านกัน  อาจเป็นวาระฯที่จะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง …ในอนาคตอันไม่ไกลจากนี้นัก….

ทีมงาน: ssbedu.com

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook
คะแนนเฉลี่ยที่ผู้อ่านให้
[จำนวนผู้โหวต: 3 คะแนนเฉลี่ย: 3.7]
Bookmark the permalink.

Comments are closed.